จับใหญ่ไฟลุก - จับบอสไม่ได้ จับบ่อนไม่ได้ ตำรวจโชว์แสนยานุภาพบุกจับทนายอานนท์ นำภา, ไมค์ ภาณุพงศ์ โดยยัง ไม่ทราบว่าจะจับใครอีก แต่อานนท์เป็นผู้ต้องหาที่ 7 โดนข้อหาร้ายแรง 8 ข้อหา ตั้งแต่ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ซึ่งก็คือกล่าวหาว่าเป็น “กบฏ” มั่วสุมชุมนุมให้เกิดความวุ่นวาย ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.โรคติดต่อ (หวังดีกลัวติดโควิด) ไปจนใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษปรับ 200 บาท
เป็นหมายจับจากการชุมนุม #เยาวชนปลดแอก เมื่อ วันที่ 18 ก.ค. เพิ่งขอหมายศาลเมื่อวันที่ 6 ส.ค.
ประหลาดไหม 20 วันผ่านไป ตำรวจเพิ่งจะตั้งข้อหา 20 วันผ่านไป หลังม็อบ #เยาวชนปลดแอก จุดประกายให้เกิดการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษาทั่วประเทศ รัฐบาลไม่มีทีท่าว่าจะดำเนินคดี โดยหลังจากเห็นว่าทานกระแสไม่ไหว ก็ไม่ได้ห้าม ประยุทธ์ยังจะให้เลขาฯสภาพัฒน์จัดเวทีรับฟัง หรือถ้าตัวเองว่าง ก็จะไปฟังนักศึกษาด้วยซ้ำ
แต่จู่ๆ ย้อนมาออกหมายจับ ด้วยข้อหาร้ายแรง ออกมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่มีหมายเรียกไปรับทราบข้อหา ไม่เหมือนคดีบอส ออกหมายเรียก 8 ครั้ง ไม่เหมือนคดีทนายอานนท์ เพนกวิน ไปประท้วงผู้พันเจี๊ยบ ฉีกรูป ผบ.ทบ.หน้า กองทัพบก ซึ่งเพิ่งออกหมายเรียกให้ไปวันที่ 13 ส.ค.
กลัวผู้ต้องหาหนี? ก็ไม่มีใครทำท่าว่าจะหนี สู้อีกต่างหาก อานนท์ประกาศปราศรัยที่เชียงใหม่วันที่ 9 ส.ค. ธรรมศาสตร์รังสิต 10 ส.ค. ในเนื้อหาเดียวกับม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์
มันประหลาดเพราะทีแรกเหมือนรัฐบาลจะใช้ไม้นวม โอ้โห ประยุทธ์ถึงขนาดจะเป็นผู้นำแก้รัฐธรรมนูญเพื่อลดกระแส แม้รู้กันว่าเป็นเทคนิคยื้อเวลา แต่ก็คือหันไปสู้ด้วยเกมการเมือง กระทั่งข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ก็ไม่ห้ามชุมนุมทางการเมือง
แน่ละ รัฐบาลคงไม่ปล่อยแกนนำการชุมนุม 18 ก.ค. แต่ก็คาดไว้ว่าจะตั้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โรคติดต่อ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด ออกหมายเรียกให้มีคดีติดตัวไว้ แล้วปล่อยตัวไป เหมือนที่ทำในบางจังหวัด เช่นเชียงใหม่
ที่ไหนได้ จู่ๆ ออกหมายจับข้อหาร้ายแรง จับวันศุกร์ อาจต้องนอนห้องขังถึงวันจันทร์โดยยังไม่รู้จะได้ประกันหรือไม่
ย้อนภาพดูไหม เกิดอะไรใน 20 วัน ม็อบเยาวชนแม้เปิดตัวร้อนแรงแต่ก็มีกิจกรรมหลากหลายสร้างสรรค์ ม็อบตุ้งติ้ง วิ่งแฮมทาโร่ ดูสวนสวย ชูกระดาษเปล่า ฯลฯ แสดงพลังที่ทุกฝ่ายขานรับ อำนาจรัฐพยายามใช้ตำรวจใช้ครูไปห้ามคนจัดห้ามนักเรียนนักศึกษา แต่พอห้ามไม่อยู่ ก็ยอมให้จัดขอเพียงไม่ “ก้าวล่วง” โดยมีตำรวจไปดูแล ตั้งจุดวัดไข้
แล้วทำไมหักมุม หวนกลับมาแตกหัก แน่ละ นักวิเคราะห์สถานการณ์มองว่ามีเหตุผลระหว่างบรรทัด แต่เมื่อรัฐบาลทำอย่างนี้ ก็ต้องรับผิดชอบเองเต็มๆ รับผิดชอบแต่ผู้เดียว กับความไม่พอใจที่จะเกิดขึ้นจากม็อบทั่วประเทศ
เป็นจุดเปลี่ยน จุดหักเห ก็ว่าได้ ที่คิดว่าจะรับฟัง เจรจา ล้มโต๊ะไปโดยสิ้นเชิง แม้ฝ่ายรัฐเชื่อว่าพลังนักเรียนนักศึกษาล้มรัฐบาลไม่ได้
กระแสเรียกร้องจะร้อนแรง ตั้งแต่ให้ปล่อยตัว ให้ ประกันตัว ให้ยกเลิกข้อหา ไปจนกระแสไล่รัฐบาลก็จะแรงขึ้นๆ ม็อบที่เชียงใหม่ ม็อบที่ธรรมศาสตร์ จะมีคนมากกว่าที่ผ่านมา อย่าคิดว่าพวกเขากลัว
เตือนไว้แล้วว่า ม็อบเยาวชนไม่มีแกนนำ ที่ส่งหน่วยข่าวไปรายงานวันที่ 18 ก.ค.มีแกนนำร้อยกว่าคนนั้นน่าสังเวช ดูม็อบนักศึกษาตั้งแต่ต้นปี หน้าใหม่ทั้งสิ้น แต่ฝ่ายรัฐฝ่ายสื่อจะจำได้แค่ “เพนกวิน” มองไม่เห็นเด็กมัธยมจูงมือกันออกมาจากทวีตภพ แล้วขึ้นเวทีปราศรัย
อันที่จริง ที่รัฐบาลยอมผ่อนท่าทีแก้รัฐธรรมนูญ รับฟัง ก็ตัดกำลังม็อบอยู่แล้ว พวกเขาเป็นคนรุ่นใหม่ ยังไม่มีประสบการณ์ แม้มีความสามารถพลิกแพลงรูปแบบ หลากหลาย แต่การตั้งประเด็นเรียกร้องก็ยังไม่เป็นเอกภาพ ความเห็นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญก็ยังต่างกัน ระหว่างพรรค ฝ่ายค้าน นักวิชาการ หรือภาคประชาชน
แต่ครั้งนี้ เสียงเรียกร้องจะเป็นหนึ่งเดียว #saveอานนท์ และถ้ายังดึงดันก็จะนำไปสู่ไล่รัฐบาล
เข้าใจอยู่นะ ในเหตุผลระหว่างบรรทัด มันเป็น dilemma ที่รัฐบาลกระอักกระอ่วน แต่เมื่อตัดสินใจทำแล้วก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่จะตามมา เพราะสถานการณ์จะร้อนแรงขึ้น หรืออาจรุนแรงขึ้น โดยยังคาดเดาไม่ได้ แต่ก็ย่างเข้าสู่จุดเปลี่ยนไปแล้ว
รัฐบาลมีสองทางเท่านั้นคือ ถ้ายังพอมีสติ ก็รีบแก้ไข ปล่อยตัว ถอนข้อหาที่ตั้งเกินกว่าเหตุ แต่แค่นี้ก็อ่วมแล้วจากการใช้มาตรการแข็งกร้าวโดยไร้เหตุผล
หรือไม่ก็กวาดจับครั้งใหญ่ไฟกะพริบ เพราะจับแค่ร้อยสองร้อยคงไม่พอ ต้องปิดทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก ยูทูบ ช่องทางสื่อสารออนไลน์ทุกรูปแบบ
แล้วลองดูว่าจะรักษาอำนาจได้ไหม
"แห้ง" - Google News
August 08, 2020 at 06:43AM
https://ift.tt/3fEO4yk
ใบตองแห้ง - จับใหญ่ไฟลุก - ข่าวสด
"แห้ง" - Google News
https://ift.tt/36Q6ERy
No comments:
Post a Comment